15 ปีที่อยู่ในธุรกิจและอุตสาหกรรม
อาหาร ทำให้ ขาบ-สุทธิพงษ์ สุริยะ กูรูนักสร้างภาพลักษณ์อาหารชื่อดัง มอง
สถานการณ์ตลาดอาหารอย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ว่าจะอาหารมาจากภัตตาคารหรือร้าน
ตลาดล้วนฟ้องด้วยหน้าตาเป็นสำคัญ
อ้างอิงตัวอย่าง'สากล'
“อาหารเป็นเรื่องของศาสตร์และศิลป์
คำว่าศาสตร์อยู่ที่สูตรใครสูตรมัน มีโนว์ฮาวกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของศิลป์
ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัว
ซึ่งจะต้องก้าวไปสู่สากลให้ได้โดยใช้ดีไซน์มาปรับ”
กูรูด้านการออกแบบและตกแต่งอาหารกล่าว
เรื่องการออกแบบเป็นเรื่องที่เรียนรู้กันได้
บางคนอาจใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ด้วยตนเองจนเชี่ยวกรำ
แต่นั่นไม่ใช่ประตูปิดตายสำหรับคนที่ต้องการเป็น “เชฟมือทอง”
เพราะการดีไซน์อาหารให้สากลนั้นเป็นเรื่องง่าย ซึ่งเคล็ดลับอยู่ที่การศึกษา
“ระบบการจัดการเชิงศิลปะ”
สุทธิพงษ์ เผยว่า
ก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจหลักการและทิศทางของศิลปะอาหาร
ผู้เกี่ยวข้องด้านอาหารต้องยึดหลักมาตรฐานสากล อย่าง Fresh & Simply
ซึ่งพิจารณาได้จากเชฟหรือพ่อครัวทำอาหารอร่อย
สูตรเด็ดของพวกเขาคือการใช้วัตถุดิบที่สดใหม่
ส่วนความเรียบง่ายคือตรรกะของศิลปะ ซึ่งตรงกับเทรนด์แฟชั่นในตอนนี้ที่ว่า
สูงสุดคืนสู่สามัญ
ทั้งนี้
ตัวอย่างผู้ทรงอิทธิพลด้านอาหารระดับโลก เช่น ในอังกฤษ Jamie Oliver
สามารถผสมผสานความเป็นธรรมชาติและความทันสมัยของวัตถุดิบได้อย่างลงตัว
ส่วนทางฝั่งอเมริกา ก็ต้องยกให้ Martha Stewart
กับการใช้สไตล์ของตัวเองผลักดันภาพลักษณ์อาหารที่สดใหม่ ต่อด้วยออสเตรเลีย
Donna Hay ใช้สีขาวเกลี้ยงเกลามาขับอาหารให้มีความโดดเด่น
นอกจากจะใช้สูตรสำเร็จของ “คน” แล้ว
การสร้างสรรค์อาหารฟ้องด้วยภาพ ยังสามารถดึงความสำเร็จของ “แบรนด์สินค้า”
อื่นๆมาเชื่อมโยงอ้างอิงได้ด้วย เช่น Muji
ที่มีความเรียบง่ายแต่มีดีไซน์ซุกซ่อนอยู่ หรือ Origins
สามารถสื่อได้ว่าทุกอย่างมีจุดกำเนิดที่ความเรียบง่าย
ถึงแม้จะมีตัวอย่าง
แต่เราไม่อาจก๊อปปี้ได้ทั้งหมด ฉะนั้นสิ่งที่ว่า “เรียบ”
สุทธิพงษ์กลับบอกว่าไม่ “ง่าย” เมื่อต้องเอาตัวตนของคนทำอาหารใส่เข้าไปด้วย
สร้างอาหารอย่างมี'สเต็ป'
ในหลักสูตรอบรมอาหารฟ้องด้วยภาพ
ซึ่งจัดโดยฟู้ดสไตลิสต์คนเก่ง จะเน้นให้ผู้เรียนเริ่มศึกษาตั้งแต่พื้นฐาน
ละลายพฤติกรรมเดิมๆของตัวเองเสียก่อน
เพื่อปูทางรับพื้นฐานด้านการสื่อสารอาหาร ด้วยสื่อต่างๆ อาทิ สิ่งพิมพ์
บรรจุภัณฑ์ เป็นต้น
ตามด้วยหลักสูตรอาหารสร้างเซเลบ (Celebrity)
เนื่องจากธุรกิจอาหารสามารถสร้างแบรนด์ด้วยตัวเจ้าของเอง
หากแต่ต้องสร้างคุณค่าในตัวเองให้สูงขึ้น
“เราจะสอนกระบวนการอย่างเป็นระบบ (System)
และเป็นขั้นเป็นตอน ต้องเข้าใจพื้นฐานก่อนสร้างเนื้อหาให้เป็นสื่อ
ทั้งงานเขียน การถ่ายภาพ วิธีการโปรโมท เชื่อมโยงบุคคลกับการทำอาหาร
และการควบคุมตัวเองต่อสื่อทีวี แล้วจึงมาถึงการตอกย้ำแบรนด์ด้วยตัวเจ้าของ
หรือทำตัวเจ้าของให้เป็นคนดัง” สุทธิพงษ์ กล่าวและว่า
ตัวเขาเองก็จะใช้สีขาว-ส้มเป็นสีประจำตัว
ส่วนท้ายสุดคือหลักสูตรอาหารช่วยสังคม
ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ให้คนในวงการอาหารได้เข้ามามีส่วนร่วมใช้อาหารเป็นสื่อ
อย่างสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนและระดมความเห็นที่หลากหลายของกันและกัน
โดยอาศัยระบบเข้ามาจัดการเช่นกัน
โดยเปลี่ยนความมีชื่อเสียงหรือศักยภาพนั้นให้เป็นประโยชน์เพื่อสังคม
ในลักษณะ CSR ขององค์กร
“แม้ผู้เรียนจะเป็นเจ้าของร้านข้าวแกง
ก็สามารถสร้างตลาดของตัวเองได้ด้วยการหาข้อเด่น
แล้วก้าวเป็นเซเลบที่ช่วยสังคมได้พร้อมๆ กัน โดยชูจุดเด่นว่า
ที่มาของข้าวมาจากชุมชนเกษตรอินทรีย์ทางภาคอีสาน
ได้มีโอกาสช่วยเหลือเกษตรกร เราไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศ
แต่มันอยู่ที่กระบวนการสร้างคุณค่าให้กับอาหารของตัวเองอย่างแยบยล”
ขาบ-สุทธิพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น