http://www.artbangkok.com/?p=6838
ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เมืองไทยเราคือเมืองเกษตรกรรม เป็นเมืองแห่งน้ำ ความสมบูรณ์ของพื้นที่ก่อให้เกิดผลผลิตทางการเกษตรมากมาย ไม่ ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน ไทยเรามีผลิตผลทางการเกษตรหลากหลายทุกฤดูกาล ทรัพยากรทางการเกษตรเหล่านี้มีการปรับปรุง แปรรูป ส่งขายเป็นสินค้าทั้งภายนอกและภายในประเทศมากมาย
แต่สินค้าทางการเษตรเหล่านี้ มักถูกมองข้ามในแง่ของความสวยงาม ทั้งๆที่สีสันและรูปร่างรูปทรงนั้นสวยงามมีเสน่ห์ ไม่แพ้สินค้าทางการเกษตรจากชาติตะวันตกเลยซักนิด สินค้าที่ทุกคนมองข้ามในเรื่องของความสวยงามนั้น ถ้าเรามีมุมมองที่คิดแตกต่างและเห็นจุดเด่นในเรื่องเหล่านี้ เราจะสามารถนำสินค้าที่ดูธรรมดาๆ มาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจได้ เหมือน Food Staylist ระดับประเทศ สุทธิพงษ์ สุริยะ หรือ คุณขาบ ที่มีความรักในเรื่องราวของอาหารและสินค้าทางการเกษตร บวกกับมุมมองที่แตกต่างจากคนอื่น กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งเดิมๆ ทำให้ในวันนี้เรามีดีไซน์เนอร์ทางด้านอาหารที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ไทยและกวาดรางวัลมาแล้วหลายเวทีในต่างประเทศ
“เมืองไทยเรายังขาดดีไซเนอร์สินค้าเกษตร ดีไซน์เนอร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมาทำงานด้านการออกแบบสินค้าเกษตรกัน เป็นเพราะเห็นผลช้าและมีความยาก ตรงที่มันเป็นเรื่องของการผสมกันระหว่างศิลปะกับธุรกิจ ซึ่งต้องสามารถไปด้วยกันได้ ตรงนี้เลยไม่ค่อยมีคนมาทำ ที่ผมก้าวมาเป็นสไตลลิสต์ เพราะความชอบส่วนตัว จากธุรกิจครอบครัวที่บ้านหนุนนำ บ้านผมทำธุรกิจซื้อขายพืชไร่ทางการเกษตร ผมอยู่กับวัตถุดิบและทำร้านอาหารด้วย สินค้าวัตถุดิบจำนวนหนึ่งมันก็ไหลเข้าร้านอาหาร อันนี้คือจุดเด่นที่ผมมี ผมเข้าใจวงจรสินค้าเกษตร ซึ่งดีไซน์เนอร์คนอื่นจะไม่มีแบบนี้ ทำให้ผมมองอย่างแตกต่างจากดีไซน์เนอร์คนอื่น แล้วก็โดดเด่นมาเป็น Food Staylist ของประเทศ มันเป็นความจำเพาะ เป็นความต่างที่เราเติบโตมานั่นเอง
แต่สินค้าเกษตรของเรา พอผ่านกระบวนการแปรรูปโดยดีไซน์เนอร์ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ บรรจุภัณฑ์อาหาร ทุกอย่าง มันทำให้สิ่งที่เราโดดเด่นดูด้อยค่าลงไปด้วยกระบวนการที่เค้ามองอีกรูปแบบ นึง ไม่ได้มองเข้าไปถึงตัวตนวัตถุดิบที่แท้จริงของมัน เลยทำให้สินค้าเกษตรของเราซึ่งเดิมมีความโดดเด่น พอผ่านกระบวนการแปรรูปไปสู่การตลาดแล้วมันด้อยค่าลงไป ด้วยกระบวนการคิดของดีไซน์เนอร์ เหล่านี้เป็นเรื่องของทางรัฐบาลด้วย ที่รัฐบาลไม่มีสาขาอันนี้สอนอยู่ในภาควิชา คือเป็นภาควิชาที่สอนอยู่ในคณะอุตสาหกรรมเกษตร ซึ่งมันมีสอนอยู่แล้วในการบรรจุภัณฑ์วิชาอาหาร แต่มันไม่ได้สอนในการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ให้มันดูโดนใจ การมองสินค้าเกษตรให้มันเป็นบรรจุภัณฑ์ที่สวย อีกวิชาหนึ่งคือพวกดีไซน์เนอร์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์อาหารให้มีความโดดเด่นยังไง ไม่มีหลักสูตรนี้ มีแต่การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ การออกแบบเซรามิค การออกแบบอินทีเรีย การออกแบบจิวเวลรี่ แต่การออกแบบเกษตรกรรมไม่มีเลย อันนี้มันน่าขบคิด
คุณขาบมองว่าเสน่ห์ของศิลปะบนจานอาหารอยู่ตรงไหน
สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของคุณขาบ
“ผมจะติดตามอัพเดทจากแมกกกาซีนทั่วโลก ผมสั่งแมกกาซีนอาหารจากทั่วมุมโลกเข้ามาที่ออฟฟิศเฉพาะหัวนอกเดือนละประมาณ 16 หัว ในแต่ละเล่มผมก็ดูเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม้เราจะนั่งอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่หนังสือแต่ละเล่มมันมีการอัพเดทข้อมูลอาหารครบเลย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร นิวแพคเกจจิ้ง สินค้าที่ออกใหม่ บุคคลที่มีชื่อเสียงทางด้านอาหาร เขากำลังทำอะไรกัน แล้วก็การดีไซน์หนังสือ หรือว่าการทำคอลัมน์ต่างๆซึ่งอันนี้ทำให้ผมแตกต่างจากคนอื่นเพราะว่า ผมเป็นคนอ่านหนังสือ แล้วผมก็เป็นคนที่เก็บรายละเอียดจากหนังสือเยอะมาก ซึ่งบ้านเราการที่คนจะเป็น food stylist หรือจะเป็นคนทำคอลัมน์อาหารได้ดี สิ่งหนึ่งที่จะต้องไม่ลืมคือต้องดูหนังสือเยอะๆ หนังสือของค่ายต่างๆหนังสือของตัวบุคคลที่เป็นบุคคลที่ทำธุรกิจอาหารผมไม่ ได้มองมันเป็นแมกกาซีนอาหารนะ ผมมองในเรื่องของธุรกิจมากกว่า
มีสามคนที่ผมชื่นชอบ เป็นแรงบันดาลใจ เป็นสามคนที่แปลงโจทย์ออกมาแล้วป็นเรื่องเดียวกันด้วย คนแรก Donna Hay ชาวออสเตรเลีย เป็น food stylist คอนเซ็ปต์ที่เค้านำเสนอ เค้านำเสนออาหารที่ไม่มีพร็อพ ไม่มีองค์ประกอบอื่น อาหารสวยด้วยวัตถุดิบ อยู่บนจานขาว นำเสนออะไรที่เรียบง่ายและคลาสสิค อันนี้คือแก่นของ Donna Hay คนที่สองคือ jamie oliver หนุ่มอังกฤษผู้นำเสนออาหารซึ่งเจาะได้ตรงประเด็นคือขายความมีชีวิตชีวา และความเป็นธรรมชาติ เน้นความเป็นธรรมชาติของอาหาร อันนี้คือจุดเด่นของ jamie ที่อยู่ฝั่งอังกฤษ ส่วนฝั่งอเมริกา Martha Stewart เป็นผู้ที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสไตล์และอารมณ์ของงาน จะเห็นได้ว่าในโซนสามประเทศของผู้นำโลก ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย อังกฤษ และก็โซนยุโรป เค้าพูดเรื่องเดียวกันเลย คือเรียบง่าย ดูดี มีชีวิตชีวา งานของเค้ามีสไตล์ สามอันนี้เป็นแก่นของโลกเลย แล้วผมก็จับสามอันนี้มาต่อยอดธุรกิจผม ขาบสตูดิโอ เลยกลายเป็นจุดที่มองว่าผมทำงานที่แตกต่างจากคนอื่น อันนี้ทำให้เรารู้สึกว่าโดดเด่นกว่าบุคคลทั่วไปตรงที่ว่าเราใส่ใจในราย ละเอียด สามคนนี้คือแรงบันดาลใจ แล้วแรงบันดาลใจไม่ได้แปลว่าเค้าทำอาหารสวย
อย่างเดียว ทำอาหารออกมาตามคอนเซ็ปต์ และเค้ายังเป็นนักธุรกิจด้วย เพราะเค้าทำสินค้าในแผนกที่เกี่ยวข้องกับอาหารครบเกือบทุกอย่างเลย
อย่าง Donna Hay เนี่ย ก็มี ตำราอาหาร ที่เป็นธุรกิจที่ขายดีมาก หลังจากนั้นก็มีการออกโปรดักส์เกี่ยวกับอาหารไม่ว่าจะเป็นจานชาม ทุกอย่างในห้องครัว ขายแป้ง ทำขนม ขายในช็อป ในห้าง ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่โต แล้วก็มีรายการทีวีของตัวเอง อย่าง oliver เค้าจะมีเครื่องปรุง รายการทีวี มีทุกอย่าง ขายทุกอย่าง เป็นนักธุรกิจอาหารที่เอาสไตล์มาขาย นี่คือสิ่งที่เมืองไทยยังไปไม่ถึงตรงนั้น เมืองไทยไม่มีที่ๆจะสามารถจะนำเสนอตัวบุคคลออกมาเป็นโปรดักส์ได้ ซึ่งตอนนี้ผมก็กำลังขับเคลื่อนอยู่ แล้วก็ผมเริ่มมีอะไรที่เกี่ยวข้องกับอาหารพอสมควรแล้ว”
เมื่อพบเจอกับปัญหา คุณขาบมีวิธีก้าวข้ามผ่านปัญหาอุปสรรคอย่างไร
“ผมมองโลกในแง่ดีและแง่บวก เป็นคนอารมณ์ดี นี่คือจุดที่มีความโดดเด่น มองทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายๆเวลาเจออะไรมาก็นิ่ง แล้วทุกอย่างมันก็จะข้ามไป ผมทำสมาธิก่อนนอนทุกคืน ทำให้เรามีความนิ่ง ความสงบ”
สิ่งคุณขาบตั้งใจที่จะทำในอนาคต
“มีสามโปรเจ็คท์ อันแรกคือ ผมจะเปิดคอรส์ เป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทยเลย เมืองไทยเนี่ยธุรกิจอาหารมักจะเอาพรีเซนต์เตอร์เป็นดารา มันเป็นเรื่องของกระแส แต่สำหรับผมกลับมองตรงกันข้าม ผมจะเปิดครอส์สอนลูกหลาน ผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร สอนให้เค้ามีความเก่งอยู่สองอย่างคือ ให้เค้าทำรายการอาหารทีวี ผมเป็นผู้กำกับเค้าสอนให้เค้าเทรน์นิ่งทำรายการอาหารทีวี อันที่สองให้เค้าออกตำราอาหารเป็นของตัวเอง สิ่งนี้จะทำให้เค้าเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นพรีเซนต์เตอร์สินค้าธุรกิจของเค้าได้อย่างยั่งยืนและยาวนาน ผู้ประกอบการอาหารจะได้โผล่หน้าออกไปเป็นที่คุ้นเคย ถ้าเค้าได้อยู่ในวงการอาหารเค้าจะค่อยๆโผล่มาตามรายการอาหารที่เค้าเป็นเจ้า ของรายการอาหารเอง ตำราอาหารก็ทำเอง ซึ่งจะเป็นผลดีกับเค้าในระยะยาว อันนี้ผมกำลังทำฝึกอยู่
อันที่สองที่ผมจะทำสตูดิโอรายการทีวี คือมีรายการอาหาร การปรุงอาหารง่ายๆ สอนเทรน์การทำอาหารแบบมีสไตล์ โดยเรามาเป็นผู้กำกับเอง
ซึ่งจะให้รายการอาหารแตกต่าง คือขายอยู่สามอย่างคือ ไลฟ์สไตล์ ความเรียบง่าย ธรรมชาติ สิ่งที่ผมกำลังดึงโจทย์ของสามคนเอามานำเสนอ เพราะว่าตอนนี้รายการทีวีบ้านเราบอกได้เลยว่าไม่สามารถขายคอนเทนท์ให้ชาว ต่างชาติได้ รายการทีวีจำนวนมากคือขายสปอนเซอร์จนรายการไม่สวย ถ้ามีรายการอาหารที่สวย เก๋ ทันสมัย มีดีไซน์ คนสนใจที่จะซื้อคอนเทนท์รูปแบบที่ผลิตออกมาไปเผยแพร่ยังต่างประเทศได้ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราคิดต่างจากคนอื่น เพราะเราไม่เคยขายคอนเทนท์รายการอาหารให้กับต่างชาติเลย มีแต่เราซื้อคอนเทนท์รายการอาหารฝรั่งมาเมืองไทย แล้วก็แปลไทยทำไมเราไม่ขายคอนเทนท์อาหารเอเชียไปให้ฝรั่ง โดยที่เราพูดภาษาไทย แล้วมีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษ อันนี้คือสิ่งที่มันไม่เคยมีในเมืองไทย จริงๆคอนเทนท์นี้มันขายได้ เหมือนเทศกาลหนังเมืองคานส์
อันที่สาม ผมจะออกสินค้าในชื่อของผมเอง เป็น Karb Style ตอนนี้ก็มีโปรดักส์ออกมา ผมทำแสน็กบ็อกซ์เป็นชุดอาหารว่างกับคุณนก ชลิดา เถาว์ชาลี ที่เป็นพิธีกรรายกรอาหาร Living in Shape ทางช่องสาม ตอนนี้เราทำด้วยกัน ซักพักพอทำไปเดี๋ยวจะมีการต่อยอดทางธุรกิจไปตามทักษะหรือประสบการณ์ที่มัน เดินผ่านมา แล้วมันจะค่อยๆไหลไปเรื่อยๆ”
นอกจากคุณค่าทางโภชนาการแล้วในอาหารแต่ละชนิดแล้ว สุนทรียะในอาหารที่ผ่านการขบคิดจากดีไซน์เนอร์ฝีมือเยี่ยม ยังสามารถสร้างความสุขทางใจให้กับผู้เสพ เป็นศิลปะชั้นสูงที่ผู้เสพจะได้รับครบทุกรสชาด โชคดีที่วันนี้เรามี Food Staylist อย่างคุณขาบ ที่เล็งเห็นคุณค่า หยิบจับเรื่องใกล้ตัวนำมาแปรรูป ปรุงให้ออกมาเป็นอาหารและสินค้าที่มีไอเดีย มีดีไซน์สวยงาม นับว่าคนไทยเรานั้นมีฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลกจริงๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น